กลไก Grand Seiko Tentagraph ในเรือนร่างดีไซน์แบบ โตเกียว ไลอ้อนที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นนาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์สปอร์ตแบบอเนกประสงค์

ในปี 2019 Grand Seiko ได้สร้างสรรค์นาฬิกาสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิงโต สัญลักษณ์ที่ Grand Seiko ใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่แรกเริ่มในปี 1960 นาฬิกาซีรี่ส์ใหม่นี้สร้างความโดดเด่นให้กับนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko ด้วยเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมและดีไซน์ตัวเรือนที่แข็งแกร่ง และวันนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญครั้งใหม่ด้วยการนำนาฬิกาสปอร์ตในดีไซน์แบบ Tokyo Lion (โตเกียว ไลอ้อน) มาสู่ยุคใหม่ด้วยดีไซน์ที่ทรงพลังแต่เต็มไปด้วยความประณีต และให้ประสิทธิภาพระดับสูงจากการใช้กลไกจักรกลโครโนกราฟจับเวลา คาลิเบอร์แรกของแบรนด์ นั่นก็คือ Tentagraph (เทนทากราฟ).
สัญลักษณ์ทรงพลังแห่งความเป็นเลิศและความมุ่งมั่น
สัญลักษณ์สิงโต สะท้อนถึงเป้าหมายดั้งเดิมของทีมงาน Grand Seiko ที่ต้องการสร้างนาฬิกาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งในแง่ของความแม่นยำ ความทนทาน และความสวยงาม นาฬิการุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยสืบสานสัญลักษณ์สิงโตไปพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแก่นแท้แห่งนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko โดยเริ่มจากดีไซน์ตัวเรือนที่เต็มไปด้วยคุณลักษณะอันเป็นสัญลักษณ์ สายยางดีไซน์ประณีต และหน้าปัดแบบมีลวดลาย ที่มีวิวัฒนาการมาจากนาฬิกาดีไซน์สัญลักษณ์สิงโตรุ่นก่อน ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณค่าสำคัญของนาฬิกาสปอร์ต เช่น ความชัดเจนในการอ่านค่า ความทนทาน ความสบายต่อการสวมใส่ และความสวยงาม
ดีไซน์ที่แสวงหาแก่นแท้ของนาฬิกาสปอร์ต

บนดีไซน์แบบใหม่ ซึ่งโดดเด่นกว่าดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิงโตในรุ่นก่อน ๆ
โดยครอบคลุมตั้งแต่ส่วนขาของตัวเรือนไปจนถึงส่วนขอบของตัวเรือน
นาฬิการุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Grand Seiko นำวัสดุ บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม มาใช้กับคอลเลกชั่นสปอร์ต โลหะผสมชนิดนี้มีความสว่างกว่าไทเทเนียมทั่วไปซึ่งทำให้พื้นผิวตัวเรือนทั้งที่ถูกขัดให้เกิดลายเส้นแบบแฮร์ไลน์ และถูกขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึ ดูเปล่งประกายได้มากขึ้นซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดีไซน์ในภาพรวม บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม ไม่เพียงแต่ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีน้ำหนักเบาเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วย โดยมีความแข็งของพื้นผิวเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับสเตนเลสสตีลเกรดมาตรฐาน

ปุ่มกดที่ด้านข้างของตัวเรือนถูกออกแบบใหม่ให้ใช้งานฟังก์ชั่นจับเวลาได้สะดวกยิ่งขึ้น และดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังของปุ่มกดทั้งสอง จะสร้างความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อใช้งานฟังก์ชั่นจับเวลา

การสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้ยังมีรูปแบบหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแผงคอของสิงโตที่โบกสะบัดตามสายลม โดยที่ตำแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกา เป็นพื้นที่อันโดดเด่นสำหรับหน้าปัดย่อยแบบสามมิติที่ฝังลงในหน้าปัด ซึ่งทำให้ระยะห่างระหว่างสเกลบนหน้าปัดย่อยและเข็มลดลง ทำให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายขึ้น ชิ้นหลักชั่วโมงในรูปแบบ ไดมอนด์-คัท ที่สะท้อนกับแสงได้อย่างสวยงามมีลักษณะคล้ายกับกรงเล็บอันแหลมคมของสิงโต อีกทั้งชิ้นหลักชั่วโมงเหล่านี้ยังถูกออกแบบให้มีความสูงมากขึ้นและมีรูปร่างที่สามารถบรรจุสารเรืองแสงลูมิไบรท์ ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ดูเวลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในทุกสภาพแสง
ออกแบบมาเพื่อความสบายในการสวมใส่


สายยางที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ มีความแข็งแรงกว่าสายซิลิโคนของ Grand Seiko ถึงเกือบ 2.7 เท่า สายยางนี้ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อใช้กับนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยสีน้ำตาลของสายนั้นเข้ากันได้อย่างลงตัวกับสีของหน้าปัด และนอกจากพื้นผิวที่เนียนเรียบและงดงามด้วยเส้นสันอันเฉียบคมของฝั่งด้านหน้าแล้ว ฝั่งด้านหลังของสายยังมีลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอุ้งเท้าของสิงโต ซึ่งทำให้มีรายละเอียดการดีไซน์ที่สนุกสนานแม้จะไม่มีใครมองเห็นนอกจากตัวเจ้าของนาฬิกาเอง และเมื่อประกอบเข้ากับฝาหลังที่มีความโค้งเล็กน้อยแล้ว สายยางที่ออกแบบสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะช่วยให้สวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือและมีความกระชับรับกับข้อมือ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เหมาะกับการเป็นนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko

เช่นเดียวกับผลงานทุกชิ้นของ Grand Seiko การแสวงหาความแม่นยำ คือ หัวใจสำคัญของกลไก Tentagraph สำหรับคาลิเบอร์ 9SC5 ที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้ทำงานด้วยความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที ทำให้มีความแม่นยำสูงทั้งในฟังก์ชั่นจับเวลาและการบอกเวลา อีกทั้งคุณลักษณะของกลไกแบบ ดูอัล อิมพัลซ์ เอสเคปเมนท์ ที่ประหยัดพลังงาน และตลับลานที่มีอยู่ถึง 2 ชุด ก็ทำให้นาฬิกาทำงานได้นานถึง 3 วัน แม้ในขณะที่มีการใช้งานกลไกจับเวลาอยู่ นอกจากนี้ กลไก Tentagraph แต่ละเครื่องยังผ่านการทดสอบเป็นเวลา 20 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานกว่าการทดสอบกลไกจักรกลของ Grand Seiko โดยส่วนใหญ่ถึง 3 วัน เพื่อให้มั่นใจว่ากลไกจะทำงานด้วยความแม่นยำตามมาตรฐาน แกรนด์ ไซโก สแตนดาร์ด ซึ่งอยู่ที่ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน แม้ในขณะที่กลไกจับเวลากำลังทำงานอยู่ก็ตาม
ความโดดเด่นของกลไกจับเวลาคุณภาพสูงแบบสมัยใหม่ ทั้งคลัตช์แนวตั้ง และคอลัมน์วีล รับประกันได้ถึงประสิทธิภาพระดับสูงทั้งในเรื่องของความแม่นยำและการทำงาน โดยคลัตช์แนวตั้งจะช่วยขจัดอาการสั่นหรือการกระโดดของเข็มจับเวลาเมื่อใช้งานกลไกจับเวลา และเพิ่มความแม่นยำในการจับเวลา ขณะที่คอลัมน์วีล ช่วยทำให้ควบคุมการทำงานของกลไกจับเวลาได้อย่างแม่นยำ กลไกนี้ใช้ค้อนแบบสามแฉกที่ช่วยให้มั่นใจว่าเมื่อกดปุ่มรีเซ็ต เข็มจับเวลาจะกลับสู่ตำแหน่งศูนย์ในทันทีโดยเป็นการประสานการทำงานกันอย่างสมบูรณ์แบบ
นาฬิการุ่นใหม่นี้จะพร้อมจำหน่ายที่ แกรนด์ ไซโก บูติก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 เป็นต้นไป

Tokyo Lion Tentagraph: SLGC009
คาลิเบอร์ 9SC5
ระบบขับเคลื่อน: อัตโนมัติ
ความถี่การทำงาน: 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง (10 บีทต่อวินาที)
ความแม่นยำ (อัตราเฉลี่ยรายวัน): +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน
พลังงานสำรอง: 72 ชั่วโมง
โครโนกราฟ จับเวลา ด้วยหน้าปัด 30 นาทีที่ 9 นาฬิกา และหน้าปัด 12 ชั่วโมง
ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
จำนวนทับทิม: 60
รายละเอียดทางเทคนิค
ตัวเรือน บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม
กระจกหน้าปัดแซพไฟร์ทรงกล่อง เคลือบสารกันแสงสะท้อนบนพื้นผิว
ฝั่งด้านใน
ฝาหลังกรุกระจกใส, เม็ดมะยมแบบขันเกลียว
การกันน้ำ: 20 บาร์
การต้านทานแม่เหล็ก: 4,800 แอมแปร์/เมตร
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง: 43.0 มิลลิเมตร, ความหนา 15.6 มิลลิเมตร
สายยาง ล็อกด้วยตัวล็อกไทเทเนียมความหนาแน่นสูงแบบ 3 ทบ
ปลดล็อกด้วยปุ่มกด
ราคาจำหน่าย: 615,000 บาท
พบกับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.grand-seiko.com/th-th/collections/slgc009g
หมายเหตุ:
รายละเอียดทางเทคนิคและข้อมูลราคาในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ เป็นข้อมูล ณ วันที่เผยแพร่ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้