Eiichi Hiraya (เออิจิ ฮิรายะ)(นักออกแบบกลไกของ Grand Seiko คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2, Seiko Epson Corporation (ไซโก เอปสัน คอร์ปอเรชั่น)
Spring Drive
5 DaysCaliber 9RA5/9RA2
The spirit of TAKUMI
ในปี 2020 Grand Seiko ฉลองครบรอบ 60 ปีของการสร้างสรรค์ โดยพัฒนา Spring Drive กลไกเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ให้ก้าวไปอีกขั้นในรูปแบบของกลไกยุคหน้ากับคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ผลงานการสร้างสรรค์ของช่างผู้ชำนาญ ณ Shinshu Watch Studio (ชินชู วอทช์ สตูดิโอ) ผู้นำอุดมคติของ Grand Seiko ในด้าน "ความแม่นยำ ความชัดเจนในการอ่านค่า และความงาม" ไปสู่ความสมบูรณ์แบบระดับใหม่
ชุดกลไกคาลิเบอร์ 9RA มอบอัตราความแม่นยำสูง ±10 วินาทีต่อเดือน และแม้จะบางเฉียบ แต่ก็สำรองพลังงานได้นานถึง 5 วัน นอกจากนี้ รูปลักษณ์ของชุดกลไกยังได้รับการรังสรรค์อย่างประณีต เพื่อสะท้อนถึงทั้งในด้านคุณภาพและแหล่งที่มา
"อุดมคติที่เราตั้งเป้าไว้ก็คือการสร้างกลไก Spring Drive ที่ดีที่สุด" Eiichi Hiraya (เออิจิ ฮิรายะ) ผู้ซึ่งรับผิดชอบด้านการออกแบบชุดกลไกของคาลิเบอร์ 9A เขาตระหนักดีถึงความสำคัญของช่วงเวลานั้น คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 เป็นหนึ่งในสปริงบอร์ดหลักสำหรับอีก 60 ปีข้างหน้าของ Grand Seiko และได้รับการสร้างขึ้นเพื่อเปิดบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์
ชุดกลไกคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 รวมนวัตกรรมหลายอย่างเข้าด้วยกัน หลักๆ ก็คือ Dual-size Barrels ตลับลานสองชุดที่มีขนาดแตกต่างกัน ตลับลานสองชุดที่มีขนาดแตกต่างกันช่วยประหยัดพื้นที่และสำรองพลังงานได้ยาวนานขึ้น คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ยังมีกลไกการเปลี่ยนวันที่แบบใหม่ ที่ช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนวันที่ให้เหลือเพียงครึ่งเดียวเทียบกับกลไกแบบดั้งเดิม นวัตกรรมที่ท้าทายฮิรายะ มากที่สุดคือ "ชุด IC ของ Spring Drive ที่มีความแม่นยำสูง" ซึ่งเขาต้องสร้างขึ้นเพื่อให้ได้อัตราความแม่นยำ ±10 วินาทีต่อเดือน ซึ่งกลไกชุดใหม่ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจซึ่งปิดผนึกแบบสุญญากาศ และ IC ที่ควบคุมความแม่นยำของกลไก Spring Drive, ออสซิลเลเตอร์แบบผลึกควอตซ์ และสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
เนื่องจากเมื่อปิดผนึกแพ็คเกจสุญญากาศนี้แล้วจะไม่สามารถเปิดออกได้ เราใช้แท่งออสซิลเลเตอร์แบบควอตซ์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่มั่นคง ซึ่งผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันโดยการบ่มเป็นเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเพิ่มความแม่นยำของ SOI-IC ซึ่งเป็น IC ที่ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าที่น้อยมาก รวมทั้งการเดินสายไฟ" ฮิรายะกล่าว
ออสซิลเลเตอร์จากผลึกควอตซ์สั่นด้วยความถี่ 32,768 ครั้งต่อวินาที เนื่องความถี่การสั่นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงตามความผันแปรของอุณหภูมิ ชุดกลไกควอตซ์คาลิเบอร์ 9F ของ Grand Seiko ที่มีเซ็นเซอร์จับอุณหภูมิภายใน IC ที่จับอุณหภูมิภายในนาฬิกา 540 ครั้งต่อวัน และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ เพื่อความแม่นยำของคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 เซ็นเซอร์จับอุณหภูมิและแท่งออสซิลเลเตอร์ควอตซ์ที่ติดตั้งอยู่ภายใน IC จะถูกปิดผนึกไว้ภายในแพ็คเกจสุญญากาศเดียวกัน เพื่อขจัดปัญหาเรื่องความแตกต่างในด้านอุณหภูมิระหว่าง IC และออสซิลเลเตอร์แบบผลึกควอตซ์ และลดผลกระทบของอุณหภูมิภายนอก ทำให้สามารถแก้ไขได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงจากความชื้นจะถูกควบคุมโดยการเดินสายไฟเชื่อมต่อ IC กับแท่งออสซิลเลเตอร์แบบควอตซ์ภายในแพ็คเกจ เป็นการปกป้องและช่วยขจัดผลกระทบที่อาจเกิดจากไฟฟ้าสถิตและอิทธิพลอื่นๆ ด้วย
“ในกระบวนการพัฒนา เราต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ การรวมฟังก์ชั่น การแก้ไขอุณหภูมิภายในแพ็คเกจสุญญากาศ หมายความว่าต้องใช้แหล่งพลังงานแยกต่างหาก เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและต้องรักษาไว้ที่ระดับ 45 นาโนแอมแปร์ ซึ่งเป็นปริมาณกระแสไฟฟ้าที่บริโภคเท่าที่จำเป็นในการใช้งานของ IC ทั่วไป ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวดเหล่านี้ ต้องใช้การลองผิดลองถูกมากมาย เพื่อค้นหากลไกที่เหมาะสมที่สุด”
ความท้าทายสำคัญอีกประการสำหรับฮิรายะคือการลดขนาดของกลไก ด้วยการทำให้กลไกมีความบางลงก็จะส่งผลให้นาฬิกาเองก็จะมีความบางลงด้วยเช่นกัน และการวางจุดศูนย์ถ่วงไว้ใกล้กับข้อมือ จะทำให้สวมใส่นาฬิกาได้สบายยิ่งขึ้น ระบบ Magic Lever (เมจิก เลเวอร์) ของบริษัท ประกอบด้วยชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้น และทำให้การขึ้นลานมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม แต่มีความซับซ้อนขึ้นระดับหนึ่ง เนื่องจากมันจะเคลื่อนไปพร้อมกับโรเตอร์ขึ้นลานที่แกว่งไปมา ดังนั้น จึงต้องวางตำแหน่งไว้ที่ส่วนกลางของกลไก อย่างไรก็ตาม ชุด Offset Magic Lever (ออฟเซ็ต เมจิก เลเวอร์) ของคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ได้รับการคิดค้นพัฒนาเพื่อขยับ Magic Lever ด้วยแกนขับเคลื่อนขนานกัน ให้ห่างจากศูนย์กลางของกลไกแบบเยื้องศูนย์
“ด้วยการวางตำแหน่ง Magic Lever ที่มีเฟืองขับเคลื่อนแกนอยู่ใกล้กับส่วนกลาง และลดน้ำหนักของตุ้มเหวี่ยงขึ้นลานหรือโรเตอร์และส่วนประกอบอื่นๆ ให้บางลง เราลดความหนาของกลไกลง 0.8 มิลลิเมตร จาก 5.8 มิลลิเมตร เป็น 5.0 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระยะห่างจากเฟืองส่งกำลังเพิ่มขึ้น จากการย้ายตำแหน่งของ Magic Lever จึงมีปัญหากับประสิทธิภาพในการขึ้นลานที่ลดลงเล็กน้อย การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตัดขั้นสูงของช่างฝีมือที่ Shinshu Watch Studio เราสร้างรูปร่างใหม่เพื่อหมุนแกนของ Magic Lever และย้ายการจัดเรียงเฟืองส่งกำลังให้วางขนาดกับแกนขับเคลื่อน ด้วยวิธีการนี้ เราได้ปรับปรุงทั้งในด้านความบางและประสิทธิภาพการขึ้นลาน”
ดังนั้น ความบางกว่าทำได้โดยใช้ Offset Magic Lever แต่ยังต้องมุ่งเน้นความพิถีพิถันด้านจุดศูนย์ถ่วงด้วย ระยะห่างจากส่วนล่างของกลไกไปจนถึงส่วนกลางของเม็ดมะยมลดลงจาก 4.2 มิลลิเมตรมาเป็น 3.4 มิลลิเมตร ตำแหน่งของเม็ดมะยมที่ถูกย้ายไปยังด้านหลังตัวเรือนให้ไกลที่สุด และลดจุดศูนย์ถ่วงลง เพื่อให้มีระยะห่างมากขึ้น สวมใส่ได้พอดีข้อมือยิ่งขึ้น และยังทำให้นาฬิกามีรูปทรงเพรียวบางขึ้นด้วย คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ขณะนี้มีความบางลง แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลดทอนความทนทานของมัน เพื่อให้มั่นใจถึงความแข็งแรงของกลไก ฮิรายะรวมสะพานจักรที่หนึ่งและที่สอง รวมถึงแกนไขที่คดเคี้ยว ซึ่งก่อนหน้านี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ให้รวมไว้ในสะพานจักรกลางแบบชิ้นเดียวหรือ One-piece Center Bridge
“เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวในตำแหน่ง 3 นาฬิกา/9 นาฬิกา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แท่นเครื่องหลักจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าชิ้นส่วนอื่นๆ และจัดวางชุดเกียร์ส่งกำลัง (gear trains) ทั้งหมดไว้ในโครงสร้างนี้ ในการทำเช่นนั้น เราได้รับปรุงความแข็งแกร่งได้มากขึ้น นอกจากนี้การรวมสะพานจักรทั้งสามชิ้น ซึ่งเคยเป็นส่วนประกอบที่แยกจากกัน ยังช่วยขจัดความผันแปรของชิ้นส่วนที่หลากหลายและการประกอบชิ้นส่วน รวมถึงยังช่วยให้การส่งกำลังมีประสิทธิภาพดีขึ้น นวัตกรรมทั้งหมดนี้ทำให้ คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 เป็นกลไกที่แข็งแกร่ง เพรียวบางขึ้น พร้อมกับให้ความแม่นยำที่ดีขึ้น และผมก็ภูมิใจกับสิ่งที่เราทำได้สำเร็จ”
ทีมงานที่ Shinshu Watch Studio ได้พิจารณาแล้วว่า รูปลักษณ์ภายนอกของนาฬิการุ่นแรกที่จะบรรจุกลไกคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ควรมีความพิเศษเช่นเดียวกับกลไก และพวกเขาก็ต้องการให้สะท้อนความงามของโลกแห่งธรรมชาติในพื้นที่ของ Shiojiri (ชิโอจิริ) ที่ซึ่งพวกเขาอาศัยและทำงาน รวมถึงเป็นที่ซึ่งกลไก Spring Drive ได้รับการคิดค้นขึ้น พวกเขาเลือกธีมฤดูหนาว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง ที่เห็นได้ในช่วงต้นฤดูหนาว กับท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับที่มองเห็นได้จากช่องว่างระหว่างต้นไม้เหล่านั้น
“น้ำค้างแข็งมีลักษณะเฉพาะของพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอจากชั้นของน้ำแข็ง และทอประกายระยิบระยับ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผมชอบ ไม่ดูโอ้อวดและก็ไม่ยึดมั่นในตัวมันเองอย่างแรงกล้า แต่เป็นเสน่ห์ที่เรียบง่ายอันเป็นความงามที่เปี่ยมเอกลักษณ์ ที่จะทำให้คุณอยากจะจ้องมองไปตลอดกาล เราใช้กระบวนการตกแต่งที่ละเอียดอ่อนกับพื้นผิวของสะพานจักร เพื่อรวมภาพนั้นเข้ากับชุดกลไก แนวสันของสะพานจักร ขอบ รวมไปถึงขอบหลุมใช้เทคนิคการเจียระไนเพชร ให้รับและสะท้อนแสงแบบกระจายจากทุกมุม และเปล่งแสงที่สวยงาม คมชัด ประดุจดวงดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน การขัดแต่งที่เป็นประกายงดงามซึ่งญี่ปุ่นหวงแหนมาตั้งแต่อดีต เปรียบได้กับสวนหินในวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น”
ในการออกแบบกลไกของ Grand Seiko ทุกชุด ฮิรายะจะคำนึงถึงปรัชญาการออกแบบที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่สมัย Suwa Sikosha (ซูวะ ไซโกชะ) มาโดยตลอด ชุดกลไกของพวกเขา “ควรจะแม่นยำ ไม่ควรแตกหัก และควรจะสวยงาม” ถ้าเราสามารถออกแบบชิ้นส่วนกลไกที่ทำงานร่วมกันได้ดี แต่ขณะเดียวกันก็ยังดูสวยงาม พวกเขาจะผลิตได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความแม่นยำที่สูงขึ้น นี่เป็นบทเรียนพื้นฐานที่เราได้เรียนรู้จากรุ่นก่อนของเรา หากรูปร่างของชิ้นส่วนกลไกไม่สวยงาม แน่นอนว่า ช่างฝีมือก็จะทำงานได้ยากขึ้น การทำได้ยากก็หมายความว่าผลิตได้ยากและมีโอกาสเกิดความผันแปรจากการตัดชิ้นส่วนก็อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อโครงสร้างมีความซับซ้อน เราก็ต้องพยายามปรับปรุงและปรับแต่ง เพื่อกำจัดส่วนที่ไม่มีประโยชน์ และออกแบบใหม่ให้มีความสวยงามและเรียบง่ายที่สุด การออกแบบชิ้นส่วนกลไกให้ส่วนงาม ไม่มีคำกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่านี่คือบารอมิเตอร์ที่จะวัดความแม่นยำของกลไก และเป็นสิ่งที่เราพยายามทำมาโดยตลอด ในการออกแบบชุดกลไก คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ผมต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบมากกว่าที่เคยเป็นมา”
แผนกพัฒนาและออกแบบ (Development and Design Department) ซึ่งฮิรายะเป็นสมาชิกอยู่นั้น ได้สร้างฐานข้อมูลของการออกแบบและเทคโนโลยีที่สตูดิโอได้พัฒนาขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถแบ่งปันความรู้ด้วยกันได้ ด้วยการแสดงภาพเทคโนโลยีและแนวคิดที่พัฒนาโดยนักออกแบบในอดีต ตอนนี้ฮิรายะและเพื่อนร่วมงานของเขา สามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้ในเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการสร้างสรรค์เพื่อส่งต่อทรัพย์สินด้านการออกแบบที่คนรุ่นก่อนสะสมไว้ไปยังคนรุ่นใหม่และรุ่นต่อๆ ไป มรดกนี้เป็นรากฐานแห่งอนาคตของ Grand Seiko ซึ่งแสวงหาโดย Michi (มิชิ) หรือวิถีแห่งวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถึงบทเรียนสำคัญในอดีตและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่กลไกคาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 แสดงให้เห็น ฮิรายะและทีมงานของเขาสามารถพัฒนาชุดกลไกใหม่และการออกแบบใหม่ๆ เป็นกลไกที่ให้ความแม่นยำสูงและมีความทนทานสูง เช่นเดียวกันคนรุ่นก่อน และจะดำเนินการสร้างสรรค์เครื่องหมายแห่งเวลาที่งดงามต่อไปในอนาคต นาฬิกา Grand Seiko ทุกเรือนควรมีความน่าดึงดูดใจที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และด้วยชุดกลไก คาลิเบอร์ 9RA5/9RA2 ทั้งฮิรายะและวิศวกรชั้นยอดที่ Shinshu Watch Studio ได้สร้างผลงานชิ้นเอกที่จะยืนหยัดเหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง เมื่อเข็มวินาทีเคลื่อนไปบนหน้าปัดอย่างเงียบเชียบและราบรื่น ก็จะนับเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของ Grand Seiko
Spring Drive 5 DaysCaliber 9RA2